CANITT อธิบายได้ด้วย 3 คาแรกเตอร์หลักที่เป็นเสมือน DNA ของแบรนด์ เริ่มจาก Dazzling คือ ความเปล่งประกาย ความเฉิดฉาย ซึ่งคาแรกเตอร์นี้ถูกวางไว้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์
“เราเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนล้วนมีเสน่ห์ มีความเปล่งประกายอยู่ในตัวเองอยู่ที่ว่า เราจะทำให้จุดเด่นหรือเสน่ห์ของพวกเธอเฉิดฉายได้แค่ไหน ซึ่งเสื้อผ้าของ CANITT มีหน้าที่ดึงความเปล่งประกายออกมา ทำให้พวกเธอมั่นใจในตัวเองว่าเธอสวยและมีเสน่ห์ในแบบฉบับของตนเอง”
คาแรกเตอร์ต่อมา คือ Sophisticated หมายถึง ความซับซ้อน น่าค้นหา ซึ่งต่อยอดมาจากคาแรกเตอร์ Graceful คือความโก้หรู สง่างาม และสุดท้าย Urban Feminine คือ ความเป็นผู้หญิงทำงานในเมือง ซึ่งสะท้อนถึงความอ่อนหวาน ขณะเดียวกันก็มีความทะมัดทะแมง และยังมีเสน่ห์บนความมั่นใจในตัวเองและรู้คุณค่าของตัวเอง ตามสไตล์ของผู้หญิงทำงานยุคใหม่ในแบบ CANITT
วามโก้หรูสไตล์เฟมินีน (Feminine) ในแบบ CANITT แสดงออกผ่านแพทเทิร์นที่เน้นส่วนเว้าส่วนโค้ง และใช้เทคนิคหลากหลาย เช่น จับเดรป ซ้อนเลเยอร์ ใช้ซิลลูเอทที่แตกต่าง ฯลฯ เพื่อเพิ่มความน่ามอง เย้ายวน ช่วยเสริมจุดเด่นและอำพรางจุดด้อยในเรือนร่างผู้หญิง การใช้คัตติ้งที่เข้ารูปพอดีตัว การใช้ลายพิมพ์เพิ่มความอ่อนหวาน น่าหลงใหลและความมีชีวิตชีวา การใช้ผ้าซิลค์ ผ้าซาติน ผ้าชีฟอง ผ้าลูกไม้ และผ้าซีทรู เพิ่มความสง่า พลิ้วไหว และเสน่ห์ความเป็นหญิง การใส่ดีเทล ลูกเล่น ปักเลื่อม ตกแต่งด้วยคริสตัลหรือแมททีเรียลอื่น ฯลฯ เพิ่มความหรูหรา สนุกสนาน น่าค้นหา รวมถึงการใช้โทนสีเพิ่มความคลาสสิกและเพิ่มมิติในการมิกซ์แอนด์แมทช์ (Mix & Match) เป็นต้น
CANITT ยังมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ อยู่ที่การตีความความงามทางแฟชั่นในแต่ละยุคสมัยผสมผสานกับความเป็น “คานิท” และไลฟ์สไตล์ของหญิงสาวสมัยนี้ นำมาสร้างสรรค์เป็นแฟชั่นลุคใหม่ที่มีเสน่ห์น่าค้นหา อย่างคอลเลกชันล่าสุด (Spring/Summer 2020) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Frida Kahlo ศิลปินหญิงชาวเม็กซิกันผู้ทรงพลังแห่งวงการดีไซน์ และแฟชั่น ในฐานะ “Feminist” ผู้รักอิสระ กล้าเลือกทางเดินของตัวเอง และกล้านำเสนอเรื่องราวตัวเองผ่านผลงานศิลปะ
“อีกความโดดเด่นของแบรนด์ คือความเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ ที่เป็นเสมือนตัวแทนผู้หญิงที่มีหลากหลายอารมณ์ในการแต่งตัว เช่น ลุคเท่ ลุคเปรี้ยว ลุคหวาน ฯลฯ เราจึงมีเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์ เพื่อให้เข้ากับอารมณ์ที่มีหลากหลาย เข้ากับกิจวัตรและกาลเทศะ โดยมีให้เลือกทั้ง “ไอเท็ม” เด่นประจำซีซั่น และ “ไอเท็ม” คลาสสิกที่หยิบมาสวมใส่ได้ตลอดไม่มีล้าสมัย เพื่อให้ผู้หญิงสนุกกับการหยิบเสื้อผ้ามา Mix & Match และสนุกกับสไตล์ที่ตรงกับอารมณ์และกิจวัตรที่หลากหลาย”